ยะลา-เบตง ทอดผ้าป่า ทรหด ถนนสุดโหดระยะทาง 21 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษ

เบตง ประชาชนหลายร้อยคน ขี่มอไซด์ นั่งรถยนต์โฟร์วีล ลุยทางวิบาก ร่วมทอดผ้าป่าสำนักสงฆ์สันติราษฎร์คีรี ใต้สุดแดนสยาม ดินแดนแห่งปลายด้ามขวาน (เขาช้างคู่) บ้านซาโห่


วันที่ 12 มี.ค.66 พ.อ.จิรศักดิ์ คงทน รอง ผบ.ฉก.ยะลา เป็นตัวแทนแม่ทัพภาค4 เป็นประธานในการทอดผ้าป่า สำนักสงฆ์สันติราษฎร์คีรี บ้านซาโห่ ม.4 ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล/ที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4 พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง นายนรินทร์ เรืองวงศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตง ส่วนราชการ ท้องถิ่น ทหาร ตำรวจ ชาวบ้านจำนวนหลายร้อยคน เข้าร่วม พร้อมนำอาหาร คาวหวาน มาร่วมทำบุญถวายพระและเลี้ยงผู้ที่มาร่วมงานทอดผ้าป่าในครั้งนี้


สำนักสงฆ์สันติราษฎร์คีรี ตั้งอยู่บนภูเขาสูง พื้นที่บ้านซาโห่ ใต้สุดแดนสยาม ใกล้หลักเขต54 A และประเทศมาเลเซีย เป็นศาสนาสถานแห่งเดียว ที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่น้องชาวไทยพุทธ ใน ต.ธารน้ำทิพย์ เส้นทางถนนหนทางการเดินทางรำบากมาก ต้องขับรถ ไปตามถนนดินลูกรัง ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ กว่า 10 กิโลเมตร ผ่านสวนยางพารา สวนผลไม้ของชาวบ้าน ต้องข้ามลำห้วย ผ่านป่าเขา ลัดเลาะไปตามไหล่เขา ยิ่งช่วงฝนตกหรือหน้าฝนถนนจะลื่นมาก รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ธรรมดาจะไม่สามารถผ่านได้ ต้องใช้รถยนต์กระบะโฟลวีล หรือรถจักรยานยนต์วิบาก เท่านั้น สำนักสงฆ์อยู่ห่างจากเมืองเบตงงเพียง 21 กิโลเมตร เท่านั้น แต่ต้องใช้ระยะเวลาในเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ


นายนรินทร์ เรืองวงศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตง เล่าให้ฟังว่า ระแวกนี้มีพี่น้องชาวไทยพุทธอาศัยอยู่กว่า 200 ครัวเรือน ในอดีตไม่มี วัด สำนักสงฆ์ ชาวบ้านจึงอยากสร้างศาสนาสถาน ไว้เป็นที่ยึดเหนียวจิตใจ ต่อมานายพรชัย มงคลรัตนมณี และนางถนอม มงคลรัตนมณี สองสามีภรรยา ได้บริจาคมอบที่ดินให้จำนวน 10 ไร่ ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันก่อสร้างสำนักสงฆ์ และช่วยกันทำถนนหนทาง โดยใช้แรงคน และได้นิมนต์ พระครูสันติธรรมธร จากวัดมาลา ต.ตาเนาะแมเราะ ให้มาพำนักที่สำนักสงฆ์แห่งนี้


หลังจากที่มีการสร้างสำนักสงฆ์ก็แห่งนี้แล้ว ก็มีประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจำนวนมาก ต้องการที่จะเดินทางมาทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ เนื่องจากได้ยินมาว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้ธรรมชาติสวยงาม ช่วงเช้าจะมีหมอกปกคลุมเต็มไปหมด ทำให้อากาศเย็นสบาย ด้านหน้าสำนักสงฆ์ มีต้นไม้ใหญ่และภูเขาสูง หากมองดูจะเห็นหมือนรูปช้างสองตัว ชาวบ้านจึงเรียกกันเขาช้างคู่ บางฤดูก็จะเห็นนกเงือกบินผ่านเข้าไปยังป่าฝั่งประเทศมาเลเซีย แต่ด้วยเส้นทางที่รำบากการเดินทางยังไม่สะดวกรถของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียไม่สามารถเดินทางมาได้ ชาวบ้านในระแวกนี้จึงพยายามก่อสร้างปรับปรุงสำนักสงฆ์และเส้นทางอยู่ตลอดเวลา แต่เส้นทางก็ยังไม่สะดวกสบาย


ชาวบ้านจึงอยากวิงวอนหน่วยงานของรัฐ ให้เข้ามาช่วยปรับปรุงทำถนนหนทางให้ดี ติดตั้งไฟฟ้า เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางของพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่ต้องการเดินทางมาทำบุญไหว้พระที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ซึ่งเป็นสำนักสงฆ์แห่งเดียวของ ต.ธารน้ำทิพย์ และเป็นสำนักสงฆ์ที่อยู่ใต้สุดของประเทศอีกด้วย

Related posts